การทำธุรกิจสิ่งที่เป็นปัจจัยหลักคือ ‘เงินทุน’ การที่ธุรกิจจะเรียกความสนใจจากนักลงทุนได้นั้น ต้องวิเคราะห์หลายส่วนด้วยกันโดยเฉพาะความเสี่ยง (Risk) ที่จะเกิดขึ้นในการดำเนินธุรกิจ ธุรกิจใดวางรากฐานไว้มั่งคงแข็งแรงจะส่งผลให้ธุรกิจนั้นเติบโตได้อย่างยั่งยืน

 

      แม้ว่าความเสี่ยงในโลกธุรกิจจะมีอยู่มากมาย แต่ความเสี่ยงที่ธุรกิจและนักลงทุนเริ่มหันมาให้ความสนใจกันเพิ่มมากขึ้นอยู่ในขณะนี้ คือการเผชิญกับความเสี่ยงต่าง ๆ หากไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการทำธุรกิจกับบริษัทอื่น ๆ

 

      หากธุรกิจและนักลงทุนมองเห็นภาพรวมของ ESG จะเข้าใจว่าทำไมธุรกิจต้องนำแนวทาง ESG มาใช้ และทำให้ได้มาตรฐานเดียวกับบริษัทอื่น ๆ เพื่อทำให้เข้าใจง่ายขึ้น มาดูกันว่าความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นกับธุรกิจ หากธุรกิจยังไม่ให้ความสำคัญกับ ERG จะเป็นอย่างไร

 

ความเสี่ยงด้านชื่อเสียง

      เมื่อเกิดเหตุการณ์ใดเหตุการณ์หนึ่งที่เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อม (Environmental), Social (สังคม) และ Governance (ธรรมาภิบาล) กับบริษัท อาจส่งผลถึงชื่อเสียงของบริษัทได้ ซึ่งในปัจจุบันไม่ใช่เพียงนักลงทุนเท่านั้นที่จะให้ความสนใจในบริษัทของคุณ แต่ยังรวมไปถึงผู้คนทั่วไปที่จับตาและให้ความสนใจในบริษัทด้วยเช่นกัน ยิ่งในยุคที่สามารถสื่อสารเชื่อมถึงกันได้ง่ายในตอนนี้ ข่าวสารและข้อมูลที่ส่งผลต่อชื่อเสียงและภาพลักษณ์ของธุรกิจ จะถูกแพร่กระจายอย่างรวดเร็วผ่านโซเชียลมีเดีย และช่องทางอื่น ๆ ซึ่งการถูกเผยแพร่ข่าวสารที่เป็นด้านลบอาจทำให้ลูกค้าไม่ไว้วางใจ นักลงทุนไม่เชื่อมั่นและมูลค่าของแบรนด์ลดลง

 

ความเสี่ยงด้านปฏิบัติการ

      ธุรกิจอาจเผชิญกับความเสี่ยงที่ทำให้การดำเนินงานหยุดชะงัก เนื่องจากเหตุการณ์ด้านสิ่งแวดล้อม ด้านแรงงาน การละเมิดกฎระเบียบ หรือปัญหาด้านห่วงโซ่อุปทาน การหยุดชะงักเหล่านี้อาจส่งผลให้เกิดความล่าช้าในการผลิต ต้นทุนที่เพิ่มขึ้น และการสูญเสียรายได้

 

ความเสี่ยงด้านกฎหมาย ข้อบังคับและข้อกำหนดในการดำเนินธุรกิจ

      การไม่ปฏิบัติตามกฎระเบียบและมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อม (Environmental), Social (สังคม) และ Governance (ธรรมาภิบาล) หรือ ESG อาจทำให้บริษัทต้องรับผิดทางกฎหมาย ค่าปรับ คดีความ และการดำเนินการบังคับใช้ตามกฎระเบียบ เนื่องจากการทำธุรกิจไม่ว่าประเทศใด จะมีการบังคับใช้กฎระเบียบที่เข้มงวดมากขึ้นที่เกี่ยวข้องกับการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม สิทธิแรงงาน และการกำกับดูแลกิจการ

 

      สรุป การไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานด้าน ESG อาจทำให้ธุรกิจและนักลงทุนต้องเผชิญกับความเสี่ยงด้านชื่อเสียง การปฏิบัติงาน กฎหมาย การเงิน ห่วงโซ่อุปทาน การแข่งขันในตลาด และสังคม การนำหลักการ ESG มาใช้ถือเป็นสิ่งสำคัญในการลดความเสี่ยงเหล่านี้ และช่วยเพิ่มความยืดหยุ่น สร้างมูลค่าระยะยาวให้กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งหมด

ลดความเสี่ยง สร้างธุรกิจรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมง่ายยิ่งขึ้นด้วย D&B ESG Intelligence

 

D&B ESG Intelligence คืออะไร?

      D&B ESG Intelligence บริการหรือแพลตฟอร์มที่ Dun & Bradstreet (D&B) มุ่งเน้นไปที่ข้อมูลด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแล (ESG) ได้รับการออกแบบมาเพื่อช่วยให้บริษัทและนักลงทุนประเมิน รวมถึงจัดการความเสี่ยงและโอกาสที่เกี่ยวข้องกับ ESG

 

      ความสามารถของ D&B ESG Intelligence นำเสนอข้อมูลและการวิเคราะห์ที่สร้างจาก Dun & Bradstreet Data Cloud และกำหนดมาตรฐานความยั่งยืนเพื่อช่วยให้บริษัทต่างๆ สามารถระบุปริมาณและประเมินผลกระทบของการจัดอันดับความยั่งยืนของพันธมิตรธุรกิจต่อผลการดำเนินงานของบริษัทของตน บริการของเราเป็นแหล่งข้อมูล ESG ที่เชื่อถือได้ โดยข้อมูลนี้ช่วยให้ทีมปฏิบัติตามกฎระเบียบและช่วยปรับปรุงกระบวนการประเมิน ESG ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

      บริษัทส่วนใหญ่จะใช้ D&B ESG Intelligence เพื่อติดตามและจัดการประสิทธิภาพ ESG ขององค์กร ซึ่งอาจเกี่ยวข้องกับการเปรียบเทียบกับคู่แข่งในอุตสาหกรรมเดียวกัน การระบุจุดที่ต้องปรับปรุง และการรายงานการทำโครงการด้าน ESG ต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอย่างโปร่งใส

 

D&B ESG Intelligence เหมาะกับใคร?

D&B ESG Intelligence เหมาะสำหรับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่หลากหลาย รวมถึง :

      - ธุรกิจที่สร้างความยั่งยืนและผู้เชี่ยวชาญด้าน ESG

      - ผู้จัดการความเสี่ยงและเจ้าหน้าที่กำกับดูแลการปฏิบัติตามกฎหมายและกฎระเบียบ

      - ผู้เชี่ยวชาญด้านการกำกับดูแลกิจการ

      - ผู้จัดการฝ่ายซัพพลายเชน

      - หน่วยงานภาครัฐและหน่วยงานกำกับดูแล

      - องค์กรไม่แสวงหาผลกำไร (NGO)

      - สถาบันการศึกษาและสถาบันวิจัย